ผลกระทบจากการ Bloom ของแมงกะพรุน
- คืบก็แมงกะพรุน ศอกก็แมงกะพรุน
- ผลกระทบจากการ Bloom ของแมงกะพรุน
1. เมื่อแมงกะพรุน Shutdown โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
แม้จะไม่ได้ตั้งใจประท้วง แต่พวกมันก็ทำให้การดำเนินงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งต้องหยุดชะงัก
ปกติแล้ว โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องดูดน้ำทะเลเข้าเพื่อหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ แต่ในช่วงที่เกิดการบลูมของแมงกะพรุน พวกมันมักจะทำให้ท่ออุดตัน จนโรงงานต้องหยุดระบบเพื่อกำจัดพวกมัน ซึ่งมากเป็นตันๆ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ในช่วงปีหลังๆ มานี้ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าแต่ก่อนมาก เช่น
ปี 2005 อุดตันท่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่สวีเดน
ปี 2008 อุดตันท่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ปี 2011 ปีนี้ปีเดียวอุดตันท่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่สก็อตแลนด์ ญี่ปุ่น อิสราเอล อเมริกา รวมถึงโรงงานทำน้ำจืดที่อิสราเอลด้วย
ปี 2013 อุดตันท่อโรงไฟฟ้าที่สวีเดนอีกครั้ง
ปี 2017 อิสราเอลโดนอีกครั้ง
ปัญหานี้หนักหนาสาหัสขนาดที่ว่า นักวิทยาศาสตร์กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อพยากรณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า โดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างโมเดลกระแสน้ำ ประกอบกับช่วงเวลาการบลูมของแมงกะพรุน แต่ก็ยังมีรายละเอียดอีกมากที่ต้องพัฒนาต่อไป
2. แมงกะพรุนยักษ์ อุดตันอวนชาวประมงญี่ปุ่น
เมื่อชาวประมงออกเรือไปจับปลา แต่สิ่งที่ติดอวนขึ้นมา กลับเป็นแมงกะพรุนขนาดเท่าตู้เย็น
นี่คือแมงกะพรุนโนะมุระในน่านน้ำประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา การบลูมของแมงกะพรุนชนิดนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าในอดีตมาก โดยเกิดขึ้นแทบทุกปี สร้างความเสียหายให้ชาวประมงอย่างสาหัส ทำให้อวนขาด ปลาตาย วิถีชุมชนชายฝั่งพินาศ สร้างความเสียหายนับพันล้านเยน
3. ทำฟาร์มแซลมอนขาดทุนยับ
ปี 2007 ฟาร์มแซลมอนที่ไอร์แลนด์สูญเสียปลาแซลมอนที่เลี้ยงไว้นับแสนตัว เนื่องจากแมงกะพรุนตัวจิ๋วที่ชื่อ Mauve Stingers หลุดเข้าไปในบ่อเลี้ยงแซลมอน โดยในพื้นที่บ่อ 26 ตารางกิโลเมตร และลึก 11 เมตร เต็มไปด้วยแมงกะพรุนหนาแน่นนับพันล้านตัว เจ้าของได้แต่ยืนมองความหายนะโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่เกิดกับฟาร์มแซลมอน
ปี 2009 ฟาร์มปลาที่ทูนิเซียก็พบเหตุการณ์แมงกะพรุนบุกจนเสียหายเช่นกัน
ปี 2014 ที่สก็อตแลนด์ แซลมอน 300,000 ตัว ต้องตายเพราะแมงกะพรุน
ปี 2015 ฟาร์แซลมอนที่นอร์เวย์ต้องเผชิญการตายครั้งใหญ่ของแซลมอนเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2002
ปี 2018 รัฐแทสเมเนียของออสเตรเลียก็เผชิญเหตุการณ์นี้จนเสียหายราว 10 ล้านดอลล่าร์
4. เรือบรรทุกเครื่องบินต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะแมงกะพรุนอุดตัน
ปี 2006 เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดยักษ์ของอเมริกาต้องดับเครื่องกลางทะเล ด้วยกองทัพผู้บุกรุกที่เรียกว่า ‘แมงกะพรุน’ ไปอุดตันตัวกรองและท่อดึงน้ำเข้าเพื่อหล่อเย็นเครื่องยนต์ ซึ่งการจัดการนำพวกมันออกและทำความสะอาดเมือกอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงไปจนถึงเป็นวัน
ไม่ใช่แค่อเมริกาเท่านั้น แต่เรือบรรทุกเครื่องบินของจีนก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน จนถึงขนาดวิศวกรจีนประดิษฐ์ ‘เครื่องสับแมงกะพรุน’ ออกมา โดยมีตาข่ายดักแมงกะพรุนและส่งไปยังใบมีดที่จะสับพวกมันเป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ยังมีปัญหา เนื่องจากอาจสร้างผลกระทบต่อสัตว์อื่นๆ นอกจากนั้น ก็ยังมีข้อกังวลว่า หนวดพิษของแมงกะพรุนอาจถูกพัดเข้าชายหาด เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว รวมถึงหากแมงกะพรุนที่กำลังท้องเกิดติดตาข่าย มันจะปล่อยไข่ ซึ่งทำให้เกิดลูกหลานมากกว่าเดิม
5. ทำลายการท่องเที่ยว
การบลูมของแมงกะพรุนตามแนวชายฝั่ง ยังสร้างผลกระทบมหาศาลต่อการท่องเที่ยว
ในบางปี ตลอดแนวชายฝั่ง 300 กิโลเมตร ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เต็มไปด้วยฝูงแมงกะพรุนนับล้าน ทำให้คนบาดเจ็บแต่ละปีมีนับแสนราย ชายหาดหลายแห่ง เช่น ออสเตรเลีย, ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ต้องปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าในบางช่วง เนื่องจากฝูงแมงกะพรุนกล่องยึดครองผืนน้ำ ส่วนชายหาดหลายแห่งก็ต้องกั้นตาข่ายในทะเลเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ว่ายน้ำ
แหล่งข้อมูล:
- https://nypost.com/2013/10/01/wave-of-jellyfish-shut-down-nuclear-power-plant/
- https://www.livescience.com/5219-truth-global-jellyfish-swarms.html
- http://www.bbc.com/future/story/20120405-blooming-jellyfish-problems
- https://www.scmp.com/news/china/diplomacy-defence/article/2121812/why-humble-jellyfish-could-stop-chinas-aircraft